ตอนที่ ๔๐ พระไวยแตกทัพ

๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงศักดิ ปิ่นปักนัคเรศเขตขัณฑ์
สถิตเหนือแท่นแก้วแพรวพรรณ พระกำนัลแน่นหน้าสนมใน
ขับกล่อมซ้อมเสียงประสานซอ ล้วนลออนวลละอองผ่องใส
เบิกบานสำราญราชหฤทัย ครั้นพระสุริใสสว่างฟ้า
สระสรงทรงเครื่องเรืองบวร เสด็จออกพระบัญชรข้างฝ่ายหน้า
ข้าเฝ้าเจ้าพระยาแลพระยา หมอบกลาดดาษดาอยู่พร้อมกัน ฯ
๏ ครานั้นท่านเจ้าคุณมหาดไทย บังคมไหว้ทูลคดีขมีขมัน
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงธรรม์ ชีวันอยู่ใต้พระบาทา
บัดนี้มีบอกพระสุพรรณ กรมการพร้อมกันถ้วนหน้า
ว่ายังมีโจรบกยกมา โยธาประมาณสักพันปลาย
ตีไล่ไพร่บ้านพลเมือง แตกวุ่นขุ่นเคืองมากหลาย
ให้ไปสืบดูรู้แยบคาย ว่าตั้งค่ายเดิมบางอยู่กลางไพร
ผู้รั้งตั้งรับอยู่พารา แต่หายกเข้ามาประชิดไม่
พระสุพรรณครั้นจะออกไปชิงชัย เห็นยังไม่ได้ทราบพระบาทา
ถ้าฉวยเสียนายไพร่ในสงคราม ก็เกรงความผิดชอบเป็นหนักหนา
ใคร่ครวญดูกระบวนที่ยกมา จะว่าเป็นกองทัพก็ผิดไป
ด้วยยกมาแต่ตัวหัวเดียว จะรบรับขับเคี่ยวก็มิใช่
ครั้นจะว่าเหล่าโลนพวกโจรไพร เห็นพลไพร่มากอยู่ดูไม่ควร ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช ดำริเหตุพระองค์ทรงพระสรวล
ใบบอกอึ้งอ้ำเป็นสำนวน เดิมบางทางก็จวนถึงสุพรรณ
ถ้าทัพศึกอื่นไกลหาไหนมา ทำไมตั้งรั้งราอยู่ที่นั่น
ได้ทีก็จะตีเข้าติดพัน ตั้งค่ายรายมั่นเอาพารา
นี่อ้ายพระสุพรรณไม่ออกรบ ก็นิ่งหลบซ่อนตัวอยู่แต่ป่า
ครั้นจะว่าโจรไพรไพล่เข้ามา กล้านักเห็นผิดจริตไป
อ้ายผู้รั้งเมืองสุพรรณมันขี้ขลาด จึงหาอาจจะออกไปรบไม่
ทำบอกแก้ตัวด้วยกลัวภัย กูเข้าใจอยู่สิ้นอ้ายลิ้นทอง
จึงสั่งให้อ้ายแผนออกไปดู ครู่เดียวก็จะจับเอาคล่องคล่อง
อ้ายสุพรรณนั้นให้เป็นลูกกอง สั่งสรรพหับห้องพระแกลชัย ฯ
๏ ท่านเจ้าคุณผู้ใหญ่ได้รับสั่ง ออกมาจากวังหาช้าไม่
ให้แต่งตราพลันในทันใด กระบอกหนึ่งส่งให้ไปสุพรรณ
กระบอกหนึ่งพันเภาเอ็งเอาไป ให้พระกาญจน์บุรีขมีขมัน
พันเภารับกระบอกออกเรือพลัน สามวันถึงเมืองกาญจน์บุรี ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนศักดา รับรองท้องตราพระราชสีห์
กรมการพร้อมกันในทันที เปิดคลี่แล้วอ่านซึ่งสารตรา
ทราบความตามเรื่องก็เข้าใจ ขุนแผนยิ้มละไมอยู่ในหน้า
บอกพันเภาไปมิได้ช้า ทำไมกับโจรป่ามาเท่านี้
จะสู้รบตบมือได้ถึงไหน กลัวแต่เราไปจะไพล่หนี
ถ้ามันกล้ารั้งรออยู่ต่อตี ทำไมมีเสร็จศึกนึกว่ารวย
จับเชลยมาใช้ให้หนักหนา ทั้งช้างม้าเงินทองของมันด้วย
จะหาสาวมอญใหม่ไว้ผมมวย ที่สวยสวยเผื่อนายให้หลายคน
ว่าพลางทางสั่งหลวงปลัด ยกกระบัตรสัสดีนั้นเป็นต้น
ให้พร้อมกันรีบรัดจัดรี้พล จะยกไปประจญในพรุ่งนี้ ฯ
๏ หลวงปลัดยกกระบัตรกรมการ อลหม่านตระเตรียมกันอึงมี่
ตารางเกณฑ์กะลงส่งบาญชี สัสดีเรียกเร่งมิได้ช้า
ที่ใครหลบเลี่ยงหลีกหนี เฆี่ยนตีมี่ไปไม่เลือกหน้า
ให้รวบรวมวัวต่างช้างม้า ทั้งสาตราอาวุธทุกสิ่งอัน ฯ
๏ ฝ่ายว่านางแก้วกิริยา รู้ว่ามีศึกก็จัดสรร
เสบียงเรียงแต่งไว้ครบครัน ขุนแผนผายผันเข้าห้องใน
เรียกแก้วกิริยากับลาวทอง ทั้งสองเข้ามาแล้วปราศรัย
เจ้าทั้งคู่อยู่หลังอย่าตกใจ ไปทัพครั้งนี้จะนานมา
ชุมพลลูกเราดอกเจ้าแก้ว เจ้ารู้เรื่องอยู่แล้วเป็นนักหนา
แค้นใจจึงแกล้งให้แปลงมา หวังจะลวงเข่นฆ่าอ้ายหมื่นไวย ฯ
๏ ครานั้นนางแก้วกิริยา ฟังว่าหน้าเสียไม่นิ่งได้
โกรธลูกผูกเจ็บมาจองภัย เลือดเนื้อในไส้หาไหนมา
ชั่วดีตีต่อยเอาตามผิด ไม่คิดถึงชีวิตจะเข่นฆ่า
จงเห็นกับวันทองผ่องโสภา วันเมื่อมรณานางฝากไว้
กำพร้าแม่ได้แต่จะพึ่งพ่อ ยังจะต่อตามทำไปถึงไหน
บอกชุมพลให้กลับซึ่งทัพชัย อย่าได้เคืองขุ่นให้วุ่นวาย ฯ
๏ ขุนแผนฮึดฮัดกัดฟัน กูนี้กี่ร้อยวันมันจะหาย
ร้อนใจอะไรกับท่านยาย ห้ามหวงลูกชายด้วยเมตตา
เห็นอ้ายแผนมันแก่แต่จะตาย จะเอาคุณพระนายไว้ดูหน้า
ใจเจ้าแต่ไหนแต่ไรมา เจ้ารักหนักหนานางวันทอง
เฝ้าเตือนมาแต่ไรให้ดีด้วย จึงเอออวยรับพามาไว้ห้อง
เลยหลงรักลูกเต้าเข้าประคอง ถึงจองหองว่ากะไรไม่ได้ยิน
อย่าห้ามเลยข้าหาฟังไม่ กูกับอ้ายไวยนี้สูญสิ้น
ถ้าหากข้าตายล้มลงจมดิน เจ้าจงปลิ้นไปพึ่งเจ้าจอมไวย ฯ
๏ นางแก้วตอบไปไฮ้คุณตา อย่ามาพูดใส่หน้าให้มันไส้
ห้ามด้วยสงสารรำคาญใจ เมื่อไม่ฟังแล้วก็ตามที
มิไปฆ่าฟันกันเสียไย อย่ามาพักพ้อใส่ให้จู้จี้
จะว่าไรใส่ร้ายทั้งตาปี อย่าเซ้าซี้ขี้คร้านจะเจรจา
กลัวปากแล้วไม่อยากจะทะเลาะ รีบเหาะไปเถิดไม่อยากว่า
เสบียงเรียงพร้อมทั้งข้าวปลา ไปเข่นฆ่ากันเล่นสนุกใจ ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนศักดา สะบัดหน้าลุกเข้าในเรือนใหญ่
แต่งตัวคาดเครื่องเยื้องย่างไป ขึ้นสีหมอกพอได้เวลาดี
กรมการตามหลังสะพรั่งมา โยธาอัดอึงคะนึงมี่
โห่สนั่นลั่นฆ้องกระแตตี ออกจากกาญจน์บุรีรีบยกไป ฯ
๏ ฝ่ายผู้รั้งสุพรรณครั้นแจ้งตรา ก็ตระเตรียมโยธาทั้งนายไพร่
คอยท่าขุนแผนผู้แว่นไว ยกทัพขับไปประจบกัน
ครั้นถึงนางบวชก็โบกธง ทั้งค่ายรายลงเป็นเหล่าหลั่น
สนามเพลาะพูนรอบเป็นขอบคัน แล้วจัดสรรกองตั้งระวังระไว ฯ
๏ ครานั้นชุมพลรณรงค์ เห็นตั้งค่ายรายลงไม่หวาดไหว
กำเริบฤทธิเชี่ยวชาญชำนาญใจ จัดหุ่นรายไว้ให้ป้องกัน
จึงให้พลายเพชรกุมารทอง เข้าอยู่ในท้องสองหุ่นนั่น
ปลอมเป็นชาวบ้านเมืองสุพรรณ รีบไปค่ายนั้นในทันใด
กำชับสั่งกิริยาจะว่าขาน ทำให้เหมือนชาวบ้านที่จับได้
ว่าเราให้ถือหนังสือไป ให้แก่นายใหญ่ที่ยกมา
ถ้าเขาสืบสาวราวเรื่องไซร้ บอกว่าทัพมอญใหม่เมืองหงสา
แล้วสืบว่าผู้ใดใครยกมา กุมารลารีบถือหนังสือไป
ครั้นถึงหน้าค่ายพระกาญจน์บุรี ทำทีเป็นกลัวไม่เข้าใกล้
พวกพลเห็นคนมาแต่ไกล ประหลาดใจก็กรูกันออกมา ฯ
๏ ฝ่ายว่าพลายเพชรกุมารทอง ทรุดนั่งยองยองแล้วร้องว่า
ชาวบ้านดอกใช่หาไหนมา กองทัพจับพาเอาตัวไป
เขาใช้ให้ถือหนังสือนี้ มาที่ตัวท่านแม่ทัพใหญ่
ต้องมาสองคนด้วยจนใจ ข้าไหว้ช่วยพาข้าไปที
อ้ายพวกกองทัพจับสองแขน มัดแน่นไม่รู้ว่าหุ่นผี
พาเข้าไปแถลงแจ้งคดี พระกาญจน์บุรีถามมาว่านั่นใคร
พวกไพร่เรียนพลันมิทันช้า จับได้ว่ามาแต่มอญใหม่
ครั้นถามพูดจาภาษาไทย ได้ทั้งหนังสือที่ถือมา
พันเภากับผู้รั้งเมืองสุพรรณ ช่วยกันขู่ซักเป็นหนักหนา
มึงอยู่บ้านไหนมันได้มา รี้พลโยธามันเท่าใด ฯ
๏ ครานั้นหุ่นมนตร์คนผี ทำเป็นกลัวตียกมือไหว้
ว่าลูกอยู่บ้านป่าท่าต้นไทร หนีไปไม่ทันมันจับมา
อันพวกพหลสกลไกร ประมาณได้สักพันหนึ่งกว่ากว่า
มันพูดกันฟังดูรู้กิจจา ว่าเป็นชาวหงสามาแต่ไกล
บัดนี้ให้ถือหนังสือมา ว่าแล้วก็ส่งหนังสือให้
ขุนแผนใส่แว่นเข้าทันใด คลี่สารอ่านไปตามคดี ฯ
๏ ตัวกูผู้จอมโยธา ชื่อสมิงมัตราเรืองศรี
อยู่แว่นแคว้นหงสาธานี มิได้เป็นข้าราชการ
เป็นเจ้าโยธาประสาตัว คนกลัวฤทธากล้าหาญ
กูก็ไม่หยาบช้าสามานย์ ตั้งมั่นอยู่ในการเมตตาคน
รู้ข่าวว่าชาวอยุธยา หยาบช้าฆ่าตีกันปี้ป่น
สร้างกรรมทำชั่วทุกตัวคน เมืองเชียงใหม่อยู่บนก็รุกราน
เห็นทำผิดคิดไปให้เวทนา จะหลับตาจมลงในสงสาร
จึงยกมาหวังว่าจะทรมาน ถ้ารู้การงอนง้อไม่ต่อกร
กูไม่ฆ่าฟันให้บรรลัย หมายใจแต่จะตั้งสั่งสอน
ถ้าแม้นไม่ยอมแพ้ทำแง่งอน กูจะต้อนคนกลุ้มเข้ารุมฟัน
อันพวกท่านนี้ยกมาตั้งอยู่ มาจะสู้ก็ว่าให้แม่นมั่น
ฤๅจะยอมก็ว่าออกมาพลัน อย่ามานะจะฟันไม่เหลือเลย ฯ
๏ ขุนแผนทำแค้นทิ้งหนังสือ ตบมือว่าชิอ้ายมอญเอ๋ย
นี่มันอยู่เมืองไกลมันไม่เคย มันจึงพูดเฉลยชะล่าใจ
หมาน้อยไม่เคยได้กลิ่นเสือ ใครบอกมันจะเชื่อเขาที่ไหน
อวดดีว่ามีฤทธิไกร เหมือนแมลงเม่าเข้าไฟไม่รู้ตัว
จึงตอบไปให้ยกมาแต่เช้า มัวขี้เซาจะไปสับกะลาหัว
ให้แปดพันกูจะฟันไม่เว้นตัว อย่าเมามัวว่าจะปลอดรอดชีวา ฯ
๏ หุ่นมนตร์คำนับรับหนังสือ ชูถือลาแล่นเข้าในป่า
ถึงชุมพลพลันมิทันช้า หุ่นหญ้าล้มลงด้วยทันใด
ฝ่ายว่าพลายเพชรกุมารทอง ทั้งสองจึงส่งหนังสือให้
บอกว่าพ่อแผนผู้แว่นไว เป็นแม่ทัพใหญ่ยกออกมา ฯ
๏ ครานั้นเจ้าพลายชายชุมพล จึงสั่งพวกหุ่นมนตร์ไว้ถ้วนหน้า
ค่ำวันนี้กูจะตีค่ายบิดา เอ็งอย่าฆ่าใครให้บรรลัย
กันเอาแต่ท่านกาญจน์บุรี มาส่งกูนี้ให้จงได้
สั่งแล้วเตรียมกันทันใด พอพระสุริใสก็พลบลง
สองทัพกำชับพลขันธ์ ลั่นฆ้องกลองสนั่นไพรระหง
จันทรร่อนสว่างกระจ่างดง เรไรร้องก้องส่งสำเนียงครวญ
อาการประมาณสักสิบทุ่ม ลมกลุ้มพัดกลับพยับหวน
ชุมพลเห็นฤกษ์พาเวลาควร จัดกระบวนหุ่นพลันในทันใด
แล้วผูกกะเลียวลงยันต์ ผาดผันขึ้นม้าหาช้าไม่
ดั้นดัดลัดพงตรงเข้าไป ครั้นใกล้ให้สงบซึ่งโยธา
ย่องเหยียบมิให้เกรียบกรอบดัง กระทั่งค่ายขุนแผนข้างด้านหน้า
โห่เกรียวฟันค่ายทลายมา พวกกองทัพก็พากันตกใจ
หลับอยู่ไม่รู้สึกตน แต่สักคนไม่คว้าอะไรได้
ลุกขึ้นชุลมุนวุ่นกันไป พวกหุ่นหมุนไล่ตะลุมบอน
เอาด้ามหอกหวดปวดร้องโอย แบนดาบลงโบยเอาไม้ค่อน
วิ่งหนีล้มลุกเที่ยวซุกซอน เตะต่อยคอยผ่อนมิให้ตาย ฯ
๏ ผู้รั้งสุพรรณตัวสั่นงก พลัดตกทับร่อนลงนอนหงาย
เรียกคุณปู่ย่าคุณตายาย คุณเจ้าคุณนายมาช่วยกู
ผ้าล่อนล่อนโล่งโก้งโค้งคลาน เข้ามุดในใต้ร้านคุดคู้อยู่
พันเภายองยองขึ้นมองดู พวกหุ่นหมุนกรูเข้าในทัพ
พันเภาเอาหอกกรอกแทง หุ่นแย่งหะเหะปะเตะจับ
ลูกตายแล้วหนอล้มคอพับ ขุนแผนร้องว่ารับอย่าหนีไป
ใครขี้ขลาดขยาดถอยถด กูจะฟันให้หมดหาไว้ไม่
ขับม้าผ่าพลสกลไกร พวกพลก็ได้สติมา
โห่กลับจับดาบกระหนาบรัน ยิงแย้งแทงฟันกันหนักหนา
ปืนเปรี้ยงเสียงโห่เป็นโกลา เฮฮาโหมฮึกครึกโครมไป
ฟันพลาดฉาดเปล่าไม่เข้าหุ่น มันกลับหมุนโลดโผนกระโจนไล่
หม้อดินใส่ชุดเอาจุดไฟ ทิ้งไปหุ่นฮือกระพือมา
ขุนแผนขับม้าเข้าฝ่าฟัน พวกหุ่นหนุนกันมาหนักหนา
ถลันไล่ไปกระทั่งถึงลูกยา เห็นหน้ากันเข้าก็ดีใจ
ฝูงคนย่นแยกแตกมา มิใช่คนหวาสู้ไม่ได้
วิ่งหนีกลับหลังพังไป พระสุพรรณอยู่ใกล้กับพันเภา
กูตาฟางนักพยักพเยิด ให้กูขี่ไปเถิดอ้ายพ่อเจ้า
พันเภาฮึดฮัดวัดเหวี่ยงเอา ตาเถ้าจะมาพากูตาย
ต่างคนต่างกลัวเอาตัวรอด มุดลอดป่าไม้ไปสูญหาย
ขุนแผนแสนสะท้านกับลูกชาย เรียกภูตผีพรายกับหุ่นมา
เซ็งแซ่แห่ห้อมพร้อมสะพรั่ง โห่ดังเกรียวกราวฉาวป่า
ออกทุ่งมุ่งตรงอยุธยา ล่วงสุพรรณพารามาทันใด
ชาวบ้านร้านช่องอยู่ใกล้ทาง ละเหย้าเรือนร้างไม่อยู่ได้
แตกตื่นทุกบ้านซานซมไป ตกใจไม่เป็นสมประดี
ขุนแผนลูกชายพลายชุมพล ยกพวกหุ่นมนตร์กับฝูงผี
ถึงตาลานพลันด้วยทันที ตั้งค่ายไว้ที่ริมชายไพร
พวกชาวตาลานทิ้งบ้านเรือน สะเทือนหนีเข้าป่าไม่อยู่ได้
ขุนแผนกับลูกชายสบายใจ ทีนี้อ้ายไวยได้เห็นกัน ฯ
๏ ครานั้นพันเภาผู้ทัพแตก วิ่งแหกป่ากลัวจนตัวสั่น
เซซุดมุดรกอยู่งกงัน เสียงแกรกกรากพรั่นไม่ไว้ใจ
มีบ่าวสองคนติดก้นมา พักเดียวดั้นป่าหาหยุดไม่
ล้าเลื่อยเหนื่อยบอบหอบหายใจ ใกล้รุ่งก็ถึงอยุธยา
ครั้นถึงเรือนพลันทันใด เรียกเมียแต่ไกลรับด้วยหวา
นางเมียตกใจจุดไต้มา พันเภาร้องว่าอย่าจุดเลย
นางเมียส่องไต้มาให้ผัว น่ากลัวจริงจริงพ่อคุณเอ๋ย
ผ้านุ่งแต่สักนิดไม่ติดเลย พันเภาร้องเฮ้ยกูแทบตาย
ฉวยผ้าพันพุงพอรุ่งเช้า ตรงเข้าศาลามิให้สาย
เรียนความเจ้าขุนมุลนาย ตกใจวุ่นวายเป็นโกลา
เสด็จออกบอกกันเข้าไปเฝ้า พันเภาเก้กังเหมือนดังบ้า
ฝ่ายว่าพระองค์ทรงศักดา เห็นพันเภาเข้ามาก็ถามไป
อย่างไรเฮ้ยอ้ายพันเภากลับ อ้ายแผนจับโจรได้ฤๅหาไม่
หน้าตาซีดอยู่ดูอย่างไร ทำไมไอ้แผนจึงไม่มา ฯ
๏ พันเภาได้ฟังรับสั่งถาม ถวายบังคมงามสามท่า
ขอเดชะพระองค์ทรงศักดา ข้าพระพุทธเจ้าเชิญตราไป
พระกาญจน์บุรีพระสุพรรณ ยกพลประจบกันเป็นทัพใหญ่
ถึงนางบวชพลันทันใด พอตั้งมั่นมันให้หนังสือมา
บอกว่าเป็นสมิงอยู่ถึงเมืองมอญ แว่นแคว้นแดนนครเมืองหงสา
ชื่อว่าสมิงมัตรา ยกมาจะกำราบปราบพวกไทย
พระกาญจน์บุรีตอบท้าให้มารบ วันนั้นพอพลบจะเข้าไต้
งดทัพยับยั้งระวังระไว ครั้นใกล้รุ่งสงัดลงบัดดล
มันลอบเข้ามาไม่ทันรู้ กรูเข้าแหกค่ายทลายปล้น
แล่นไล่ห้ำหั่นฟันผู้คน แตกป่นทุกค่ายกระจายไป
พระกาญจน์บุรีออกรบรับ คุมไพร่พลกลับเข้าได้ใหม่
ฟาดฟันกันลงในพงไพร มันมีฤทธิไกรมหิมา
ล้วนคงกระพันฟันไม่เข้า ไพร่เราเสียลงเป็นหนักหนา
แต่พระกาญจน์บุรีมีฤทธา ขับม้าไล่ฟันถลันไป
มันกลุ้มรุมจับไม่กลับมา จะฆ่าฤๅมิฆ่าหาทราบไม่
จงทราบบาทบงสุ์พระทรงชัย ชีวิตอยู่ใต้พระบาทา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ได้ทรงฟัง กริ้วสุรเสียงดังเป็นฟ้าผ่า
กระทืบบาทตวาดก้องโกลา ฟังว่าดูเป็นไม่เจนทัพ
จนแลเห็นค่ายอยู่ใกล้กัน ยังมัวไว้ใจมันมุดหัวหลับ
มันย่องมาฆ่าฟันไม่ทันรับ ดับหมดคบไฟไม่ส่องดู
แต่ก่อนไรไม่เห็นเหมือนเช่นนี้ ดูเป็นทีนอนใจไม่คิดสู้
นานไปก็จะพลัดเป็นศัตรู คิดกันเล่นกูให้วุ่นวาย
ตัวอ้ายพันเภาเข้ามาก่อน ชอบแต่ค่อนเฆี่ยนซ้ำสักสองหวาย
ไม่พอที่โตใหญ่ไปมากมาย มันได้ใจจะหมายมากรุงไกร
คิดคิดขึ้นมาก็น่าแค้น ที่มันจับอ้ายแผนกูไปได้
กูเสียดายทหารชาญชัย หาไหนไม่มีจะเหมือนมัน
เสียทีด้วยอ้ายนี่มันแก่เถ้า ถ้าเหมือนแต่ก่อนเก่าที่ไหนนั่น
ทุดอ้ายขี้ปิ้งจะยิงฟัน เราเสียทีให้มันกำเริบใจ
มันคงตามติดประชิดมา ด้วยคิดว่าคนดีหามีไม่
เรียกอ้ายไวยมาจะช้าไย กูจะให้ไปจับอ้ายรามัญ ฯ
๏ ฝ่ายตำรวจในได้รับสั่ง วิ่งออกจากวังขมีขมัน
ครั้นถึงจึงบอกพระไวยพลัน รับสั่งทรงธรรม์ให้เข้าไป
พระไวยได้ฟังเป็นการเร็ว ฉวยผ้าพันเอวหาช้าไม่
รู้ข่าวการทัพขยับใจ บ่าวไพร่ตามหลังเข้าวังพลัน
นุ่งสมปักลนลานคลานเข้าไป บังคมไหว้ก้มหน้าอยู่ที่นั่น
ฝ่ายว่าพระองค์ผู้ทรงธรรม์ ผันพระพักตร์ดำรัสไปบัดดล
คิดคิดขึ้นมากูน่าแค้น ผิดด้วยอ้ายแผนนั้นเป็นต้น
ให้เป็นแม่ทัพบังคับพล เลินเล่อลืมตนจนเสียการ
เสียทีให้มันจับเอาไปได้ เสียนายเสียไพร่เสียทหาร
อ้ายมอญต้อนเข้ามาจนตาลาน จะได้ใครไปต้านไปตอบแทน
พระองค์เห็นพระไวยอาลัยพ่อ น้ำพระเนตรคลอคลอถึงขุนแผน
ยอดทหารผลาญย่อยมาร้อยแดน กริ้วแค้นตรัสสั่งพระไวยพลัน
บัดนี้อ้ายสมิงมัตรา ฆ่าอ้ายแผนพ่อมึงอาสัญ
เร่งเกณฑ์กองทัพไปจับมัน รุ่งวันพรุ่งนี้เอ็งยกไป ฯ
๏ พระไวยรับราชบัญชา ตรึกตราแล้วทูลเฉลยไข
กระหม่อมฉันคิดคิดให้ผิดใจ มอญมีฤทธิไกรกะไรมา
ถึงชนะคนอื่นก็ตามที ที่ตรงพระกาญจน์บุรีเห็นเกินหน้า
ไม่ควรที่ย่อยยับอัปรา ด้วยพระเวทวิทยานั้นเจนใจ
ถึงสุดสิ้นกำลังจะรั้งรบ คงจะหายตัวหลบเข้ามาได้
บิดามรณาจะอยู่ไย กระหม่อมฉันจะไปประจัญบาน
ทูลแล้วเท่านั้นมิทันช้า ถวายบังคมลากลับมาบ้าน
ให้เตรียมทัพสรรพเสร็จสำเร็จการ ล้วนทหารที่เคยไปเชียงอินท์
สั่งเสบียงจัดวางทั้งช้างม้า แล้วไปเล่ากิจจาแก่ย่าสิ้น
ว่าบัดนี้มอญใหม่ใจทมิฬ ฆ่าพ่อแผนเสียสิ้นชีวาลัย ฯ
๏ ทองประศรีตีอกเข้าต้ำผาง ตกจากหอกลางไม่ลุกได้
กลิ้งอยู่เหมือนตายไม่หายใจ แก้ไขช้านานจึงฟื้นตัว
โอ้พ่อขุนแผนของแม่เอ๋ย ละเลยแม่แล้วพ่อทูนหัว
จิตรใจแม่ให้ระริกรัว สิ้นตัวทองประศรีแต่นี้ไป
กำพร้าบิดามาแต่เล็ก เด็กอยู่แม่เลี้ยงเจ้าจนใหญ่
ไปกินเมืองกาญจน์บุรีแม่ดีใจ หมายจะได้ฝากผีของมารดา
กลับหนีแม่ไปเสียอิกเล่า ถึงกะไรได้เผาก็ไม่ว่า
มาตายด้วยมอญใหม่ไกลตา เสียสง่าราศีทุกสิ่งไป
ลูกตายหลานหายไม่เห็นหน้า ยังแต่ย่านี้จะอยู่ไปถึงไหน
เช้าเย็นเห็นหน้าแต่ออไวย จะยกไปไม่รู้ว่าร้ายดี
โอ้สงสารออไวยน่าใจหาย น้องชายก็มัวเอาแต่หนี
จะหันหน้าหาใครก็ไม่มี ย่านี้ไปได้ก็จะไป
บิดามอญฆ่าเสียมอดม้วย หามีใครจะช่วยเจ้ารบไม่
ยังเป็นเด็กเล็กอ่อนจะสอนไว้ ท่านขุนไกรตัวปู่เป็นครูบา
ถ้ายกออกไปให้สืบก่อน จะหยุดนอนระวังให้หนักหนา
ถึงทัพจงพิจารณา พอจะเข้าไล่ฆ่าก็เข้าไป
ถ้าเห็นกำลังศึกนั้นฮึกหาญ ดากระดานรับไว้ให้จงได้
กระบวนรบครบตั้งระวังภัย ถ้าล้อมได้ก็อ้อมล้อมไพรี
ถ้าเห็นหนักชักช่องให้ออกไป ถ้าไพร่เราแตกตายกระจายหนี
เอาดาบบั่นฟันต้อนเข้าราวี ดูทีก่อนจะล่าอย่าตกใจ
ด้วยว่าขุนไกรปู่เป็นครูเถ้า ขวัญข้าวจงจบกระหม่อมใส่
พ่อจงไปสวัสดีให้มีชัย พระไวยกราบแล้วก็ลุกมา
เข้าห้องสั่งสองสายสวาดิ อย่าเกรี้ยวกราดฟังคำพี่ร่ำว่า
เป็นผู้ใหญ่ให้ดีศรีมาลา เจ้าสร้อยฟ้ามิใช่คนแง่งอน
ผิดมั่งพลั้งนิดอย่าด่าว่า ให้พี่กลับมาถึงบ้านก่อน
สร้อยฟ้าเป็นลาวชาวดงดอน ช่วยสั่งสอนงามปลื้มอย่าลืมความ ฯ
๏ สร้อยฟ้าศรีมาลายกมือไหว้ ไปเถิดน้องมิให้เป็นเสี้ยนหนาม
จะถนอมกล่อมใจกันให้งาม คร้ามแต่หม่อมจะเข้ารณรงค์
แต่พ่อขุนแผนยังแพ้เขา พ่อเจ้าระวังระไวอย่าให้หลง
สังเกตพระเวทที่ทนคง ปลงอารมณ์ข่มไว้ให้จงดี ฯ
๏ พระไวยเสร็จสั่งทั้งสองนาง ยังชำเลืองเยื้องย่างออกจากที่
จับดาบเคยปราบซึ่งไพรี ขึ้นที่หอพระนมัสการ
แล้วอ่านพระเวทวิเศษประสิทธิ ขันสำริดน้ำหอมย้อมว่าน
เอาโสรจสรงองค์นารายณ์อวตาร แล้วโอมอ่านคาถาเรียกภูตพราย
เป่าสังข์บูชาวราฤทธิ เสร็จกิจนุ่งห่มดูเฉิดฉาย
รดน้ำมนตร์ที่สรงองค์นารายณ์ แล้วเยื้องกรายเดินมาน่าเอ็นดู ฯ
๏ ศรีมาลาสงสารรำคาญใจ นี่ศึกใครผัวรักจักไปสู้
พ่อแผนแค้นขัดเป็นศัตรู น่าจะรู้จะเห็นเป็นอุบาย
พระไวยใหลหลงเจ้าสร้อยฟ้า ยังมึนเมามนตร์ยาไม่เหือดหาย
ถ้าหลงไปรบบิดาจะฆ่าตาย พ่อพลายของเมียไม่รู้ตัว
ขอเดชะความสัตย์บริสุทธิ จงชักพาอาวุธให้พ้นผัว
ร่ำพลางใจนางระริกรัว ให้กลัวท่านบิดาจะฆ่าฟัน ฯ
๏ พระไวยได้ฤกษ์ให้เลิกทัพ พวกพลโห่รับเสียงสนั่น
ช้างม้าอัดแอแจจัน พระไวยแสนกระสันถึงสร้อยฟ้า
โอ้เพื่อนพิสมัยมาไกลอก จะวิตกเศร้าสร้อยละห้อยหา
กริ่งใจทางนี้ศรีมาลา จะทำแก้วแววตาประการใด
ผัวอยู่คอยดูทุกเช้าค่ำ เขายังทำเจ้าถึงอย่างนั้นได้
ทีนี้อยู่เดียวเปลี่ยวเปล่าใจ ข้าไทมันจะกลุ้มรุมกันตี
แม้นมิกลัวพระองค์ผู้ทรงธรรม์ จะเลิกทัพกลับหันเข้ากรุงศรี
แล้วหวนคิดกลับแค้นแสนทวี อันมอญใหม่ฆ่าตีบิดากู
มันดีละจะเล่นให้เห็นกัน ฮึดฮัดกัดฟันจะต่อสู้
ชักสีนวลเร่งไปไพร่พรั่งพรู ถึงวัดลาดหยุดหมู่พลไกร ฯ
๏ ให้พวกไพร่หุงข้าวเผาปลา กินแล้วเวลาจะเข้าไต้
ผูกหุ่นครบพลันทันใด พระไวยเสกซัดข้าวสารมนตร์
หุ่นพลิกกระดิกดิ้นอยู่ไม่ลุก ต้องเสกปลุกข้าวปรายเป็นหลายหน
จึงขยับกลับลุกขึ้นเป็นคน ซ้ำพิกลอาวุธก็ไม่มี
พระไวยหวาดไหวให้ใจหาย กูจะตายด้วยอ้ายมอญฤๅไรนี่
จับยามดูพลันในทันที วันนี้วันพุธเป็นอุตใน
ยามจันทร์ถลันเข้าอยู่กลาง เศษเสาร์เข้าขวางเป็นศึกใหญ่
ในตำราว่ามิใช่คนอื่นไกล เนื้อไขเขม้นจะเล่นกัน
บริกรรมซ้ำซัดข้าวสารไป หุ่นก็ได้อาวุธครบมือมั่น
พอแสงเดือนเด่นฉายพรายพรรณ ให้ยกเลิกพลขันธ์สนั่นมา ฯ
๏ จะกล่าวถึงวันทองที่ต้องโทษ พระองค์ทรงโปรดให้เข่นฆ่า
เมื่อขาดใจอาลัยถึงลูกยา เวราพาเป็นอสุรกาย
วันนั้นพระไวยจะไปศึก นางนึกสำคัญมั่นหมาย
เกรงฤทธิบิดาจะฆ่าตาย กลับกลายเพศเพี้ยนเป็นนารี
ผิวผ่องละอองพักตร์ปลั่งเปล่ง ดังดวงจันทร์วันเพ็งประไพศรี
ประมาณชันษาสิบห้าปี ท่วงทีมารยาทดังนางใน
ผ้ายกตานีนุ่งพุ่งทอง สอดสองซับสีดูสดใส
กรองนอกดอกฉลุดดวงละไม เส้นไหมย้อมม่วงเป็นมันยับ
ก้านแย่งโคมเพชรเจ็ดเหลี่ยม กรวยเชิงช่อเอี่ยมดังแบบจับ
ซัดแสดสอดสีทับทิมทับ นางแกล้งแต่งประดับประดิษฐกาย
เฉิดโฉมประโลมลานสวาดิ ชะอ้อนอ่อนเอวสะอาดสะอิ้งสาย
สร้อยสังวาลสุวรรณพรรณราย แต่ละเม็ดเพชรกระจายกระจ่างดวง
สองเต้าตูมเต่งเคร่งครัด ดอกไม้ทัดทั้งห่อผ้าห่มหวง
กรองร้อยสร้อยสนกระสันทรวง ร่ำร้องเสียงร่วงรำพันไป
พัดชาช้าลูกหลวงหวนละห้อย น้ำค้างย้อยตะวันตกนกไห้
สักวาดอกสร้อยละห้อยใจ เสียงหวานวิเวกในพนาลี ฯ
๏ พระไวยขับม้ามาถึงนั่น พอพระจันทร์เพ็ญผ่องละอองศรี
เสียงเสนาะเพราะชัดเป็นสตรี ก็หยุดยั้งโยธีอยู่กลางทาง
ลงจากม้าพลันในทันใด เยื้องยุรยาตรไปไม่เกรียบกร่าง
แฝงไม้แลไปเห็นโฉมนาง ทรงบางตละหล่อออกจากพิมพ์
ผิวปลั่งดังทองทาระทวย มือสวยสิบนิ้วดูนุ่มนิ่ม
งามระบอบรอบไรเจ้าเรียบริม พร้อมพริ้มเพราทั่วทั้งกายา
หวานอ่อนร่อนเสียงเสนาะดง ดังเสียงหงส์เหาะเหินในเวหา
แสนสวาดินาฏน้องไม่พริบตา แฝงพฤกษาสอดแลตะลึงไป ฯ
๏ ครานั้นนางเปรตอสุรกาย แยบคายทำหาเห็นพระไวยไม่
แช่มช้อยร้อยกรองพวงมาลัย สำราญร้องเรื่อยในพนาวัน
ทำเดินเก็บดอกไม้ไม่สงกา ถอยหลังละเลิงมาไม่ผินผัน
กระทั่งถึงต้นไม้พระไวยพลัน สะดุ้งหวีดหวาดหวั่นผวาไป
ทิ้งพวงดอกไม้กรองร้องตระหนก ประคองอกอ่อนวิ่งมิใคร่ไหว
แอบพุ่มพฤกษาประหม่าใจ แกล้งใส่เล่ห์ล่อให้ละลานตา ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมพระหมื่นไวย แสนสำราญบานใจเป็นหนักหนา
กระหยิ่มยิ้มยุรยาตรนาดมา ชะอ้อนเอื้อนโอภารำพันไป
แก้วตาอย่าประหม่ากมลหมอง จะหวีดร้องจรดลไปหนไหน
เสียดายผิวจะเผือดอย่าเดือดใจ ขวัญจะโบยบินไกลกำลังกลัว
มานี่เถิดพี่จะรับขวัญ ซึ่งผาดผันโผนไปในไพรทั่ว
ให้คืนเข้าร่างน้องประคองตัว เจ้าอย่าประหม่ามัวให้หมองใจ
อยู่เดียวเปลี่ยวอกในอารัญ เพื่อนพูดจาสารพันหามีไม่
ยามหนาวเจ้าจะนอนในกลางไพร ไม่มีใครโอบอุ้มให้อุ่นดี
กุศลส่งพี่ตรงมาพบน้อง ขอประคองเคียงกายไม่หน่ายหนี
จะอยู่ด้วยน้องน้อยสักร้อยปี แก้วพี่อย่าสะทกสะเทิ้นใจ
ปลอบพลางทางย่างขยับเยื้อง ชายชำเลืองโลมเลียมเข้าไปใกล้
ขยับมือมาแม่อย่าเมินไป ขอดอกไม้สักหน่อยที่ร้อยกรอง ฯ
๏ ครานั้นนางเปรตอสุรกาย แยบคายเชิงดีไม่มีสอง
เห็นลูกชายและเลียมเทียมคะนอง ก็โผนผาดแผดร้องระงมไพร
ตวาดมาว่าเหวยพลายงามลูก มาดูถูกข่มเหงหาเกรงไม่
ลุ่มหลงโลภว่าประสาใจ กูไซร้สาธารณ์คือมารดา
ชื่อว่าวันทองที่ต้องโทษ พระกริ้วโกรธสั่งให้ไปเข่นฆ่า
ตายไปใจผูกด้วยลูกยา ตามมาจะบอกซึ่งร้ายดี
ตัวเจ้าจะยกออกไปทัพ น่าจะยับเยินย่อยถอยหนี
ศึกนี้หนักหนาสง่ามี ไพรีเรี่ยวแรงจะรุกราน
รอรั้งระวังให้จงดี จะเสียทีอย่าโหมเข้าหักหาญ
ว่าแล้วเผ่นโผนโจนทะยาน เสียงสะท้านทั่วท้องพนาวัน
สูญหายกลับกลายไปตามเพศ เป็นเปรตสูงเยี่ยมเทียมสวรรค์
ไม่มีหัวตัวทะมื่นยืนยัน เหียนหันหายวับไปกับตา ฯ
๏ พระไวยหวั่นหวาดอนาถนัก เห็นประจักษ์ว่าแม่แน่หนักหนา
สยดสยองพองหัวกลัวมารดา น้ำตาพรากพรากลงพร่างพราย
โอ้แม่เจ้าประคุณของลูกแก้ว สิ้นซากศพแล้วไม่สูญหาย
ลูกทำบุญส่งให้ไปมากมาย ยังไม่วายความชั่วที่ตัวทำ
เอาเพศเป็นเปรตอสุรกาย กลับกลายตามมาเวลาค่ำ
สั่งสอนวอนบอกให้ลูกจำ มีพระคุณเช้าค่ำแต่เป็นคน
แม่ตายหายลับมาหลายปี พึ่งมาเห็นวันนี้ในไพรสณฑ์
ห้ามลูกมิให้ไปประจญ จะเสียตนตายด้วยฝีมือมอญ
ท่านขุนแผนพ่อก็ตายแล้ว สุดที่ลูกแก้วจะผันผ่อน
ถึงคืนทัพกลับเข้าพระนคร พระทรงธรรม์บั่นรอนก็บรรลัย
ชาติชายเป็นตายไม่ย่อท้อ จะแก้แค้นแทนพ่อให้จงได้
แม่อย่าเป็นห่วงบ่วงใย พลางกราบไหว้สะอื้นกลืนน้ำตา
แล้วมาขึ้นม้าพาพวกพล ดั้นด้นตัดทุ่งมุ่งป่า
พอแสงเดือนเคลื่อนดับลงลับฟ้า ยกมาถึงบางกระทิงพลัน
ตัดไม้ตั้งค่ายสนามเพลาะ หอรบครบเหมาะทุกสิ่งสรรพ์
รั้วขวากปักช่องป้องกัน ให้ม้าใช้ไปพลันเอาเหตุมา ฯ
๏ ครานั้นชุมพลรณรงค์ เสียงโห่ร้องก้องดงสนั่นป่า
ตรึกตรองสองคนกับบิดา จะรบราพระไวยให้ได้ที
สืบรู้ว่ามาตั้งบางกระทิง ด้วยเกรงล่วงช่วงชิงเอาชัยศรี
ขุนแผนแสนฤทธิราวี แต่งเครื่องบัตรพลีพลีการ
ธงกระดาษราชวัติเฉวียนปัก จับสายสิญจน์ชักทุกเสาศาล
ธูปเทียนจุดจรัสชัชวาล เครื่องอานดาบประจุประจงดี
ขุนแผนเสกซัดข้าวสารส่ง ชุมนุมองค์เทวาทุกราศี
อสุรยักษ์ครุฑาวาสุกรี ฝูงผีภูตโขมดมารยา
ทั้งฤๅษีสิทธิ์วิทยาธร ทวยเทพนิกรถ้วนหน้า
เชิญรับเครื่องสังเวยวัฒนา แล้วปลุกเครื่องสาตราในทันใด
เครื่องอานบันดาลสะดุ้งโดด ดาบกระดิกพลิกโลดดังลูกไก่
แกว่งกวัดฉวัดเฉวียนเวียนระไว แล้วติดไฟชุบย้อมให้ลูกยา
ไฟดับกลับพรมด้วยน้ำว่าน กายแข็งทนทานขึ้นหนักหนา
อยู่คงสารพัดสาตรา มิ่งม้าก็ลงให้คงทน
เสร็จแล้วจึงแต่งแปลงเจ้าพลาย ให้ดูคล้ายมอญใหม่ให้ฉงน
เป่าซ้ำด้วยพระเวทวิเศษมนตร์ แล้วเตรียมตนจะไปช่วยยุทธนา ฯ
๏ ครั้นฟ้าขาวดาวประกายพรึกขึ้น สองทัพโห่ครื้นสนั่นป่า
ออกจากค่ายพลันทันเวลา โยธาทั้งสองคะนองฤทธิ
พระไวยขับม้าพาทหาร โอมอ่านคาถาประกาศิต
ชุมพลชักม้ามาประชิด ขุนแผนแอบมิดจะดูที
พอทัพต่อทัพเข้าถึงกัน ยิงแย้งแทงฟันกันอึงมี่
สองข้างต่างมุ่งเข้าราวี มิได้มีย่อท้อต่อณรงค์
พลหุ่นหมุนมุ่งเข้าสู้กัน แทงฟันตอบโต้แล้วโห่ส่ง
ทะลวงโลดโดดประจญทนคง ตีต่อยตะบันลงไม่ละกัน
พวกทหารสามสิบห้าไม่ราถอย หอกสอยดาบร่ำเข้าห้ำหั่น
พวกหุ่นหมุนร่าเข้าฝ่าฟัน คนขยั้นย่นย่อรอระอา
ฮึดฮัดขัดใจไล่พิฆาต ไม่ไหวหวาดอ้ายมอญนี่หนักหนา
พระไวยเห็นพลร่นลงมา มือขวาคว้าซัดข้าวสารไป
พอข้าวมนตร์หล่นต้องหุ่นชุมพล กลายเป็นหญ้ายับป่นไม่ทนได้
ชุมพลชักม้าผ่าพลไกร เป่าไปด้วยพระเวทวิทยา
ต้องพวกหุ่นมนตร์พลพระไวย ก็ย่อยยับกลับไปเป็นฟ่อนหญ้า
สองนายบ่ายห้ามโยธา ก็รั้งราหยุดรบประจัญบาน ฯ
๏ พระไวยเพ่งไปเห็นมอญน้อย กะจ้อยร่อยเอวกลมสมทหาร
แปลกน้องต้องมนตร์ให้บันดาล พึ่งรุ่นพานยังไม่พบฝีมือกู
เย่อหยิ่งยกตัวไม่กลัวใคร ทะนงใจจองหองจะปองสู้
จะฟังคำทำนองมันลองดู ความรู้มันจะมีสักเพียงไร
จึงร้องมาว่าเหวยอ้ายมอญน้อย กะจ้อยร่อยใจกำเริบเติบใหญ่
ตัวเด็กเล็กน้อยไม่สมใจ ชื่อไรบอกความไปตามจริง
พระสงฆ์องค์ใดเป็นครูบา สอนวิชามาให้สักกี่สิ่ง
เข้าสู้รบกับเราเข้าจริงจริง แล้วจะวิ่งวุ่นหลบไม่พบตัว
บิดามารดาเอ็งชื่อไร อยู่เมืองไหนบอกกูให้รู้ทั่ว
องอาจประมาทใจช่างไม่กลัว ใครยั่วให้มึงยกมาทำไม
มึงมาฆ่าฟันท่านขุนแผน ขัดแค้นท่านทำอะไรให้
ฤๅกวนมึงถึงเมืองให้เคืองใจ ไปไล่จับพ่อแม่ของมึงมา ฯ
๏ ครานั้นเจ้าพลายชายชุมพล แยบยลพูดเพี้ยนเป็นหงสา
กูฤๅชื่อสมิงมัตรา บิดากูผู้เรืองฤทธิไกร
ชื่อสมิงแมงตะยะกะละออน ในเมืองมอญใครไม่รอต่อได้
เลื่องชื่อฦๅฟุ้งทุกกรุงไกร แม่ไซร้ชื่อเม้ยแมงตะยา
พระครูกูเรืองฤทธิเวท พระสุเมธกะละดงเมืองหงสา
จะมาลองฝีมือไทยให้ระอา ถ้าใครกล้ากูจะฟันให้บรรลัย
อันสมบัติในศรีอยุธยา กูหาปรารถนาสิ่งใดไม่
ขุนแผนยกพลมาชิงชัย กูจับได้จึงฟันหั่นประจาน
เอ็งนี้มีนามกรใด เจ้าไทยเลี้ยงเป็นยอดทหาร
พระองค์ใดได้เป็นพระอาจารย์ อนึ่งท่านบิดานั้นชื่อไร
ทั้งชื่อมารดาก็อย่าพราง บอกบ้างให้กูสิ้นสงสัย
ฤทธากล้าหาญประการใด อาจใจออกมาต่อฝีมือกู ฯ
๏ เฮ้ยอ้ายมอญสมิงมัตรา กูกล้าจึงยกมาต่อสู้
ฤทธิเดชอย่างไรคงได้รู้ ซึ่งสูถามถึงพระอาจารย์
อันความรู้กูมิได้เป็นศิษย์สงฆ์ เพราะพ่อกูเชื้อวงศ์พงศ์ทหาร
ชื่อว่าขุนแผนแสนสะท้าน ท่านให้ความรู้แก่กูมา
แม่กูชื่อว่านางวันทอง ชื่อของกูนี้ไม่มุสา
ชื่อว่าพลายงามแต่เดิมมา ชื่อตั้งนั้นว่าจมื่นไวย
มึงอย่าทะนงองอาจ ประมาทว่าจับขุนแผนได้
หากแก่เถ้าแรงน้อยถอยไป กูนี้ไม่กลัวมึงเท่าเล็บมือ ฯ
๏ ชุมพลตบขาแล้วว่าไป มึงพูดนี้ไซร้ไม่สัตย์ซื่อ
กูเข้าใจมิใช่คนอื่นฦๅ คือท่านขุนแผนแกบอกมา
กูไต่ถามได้ความมาแต่หลัง ต่อแกเล่าให้ฟังแล้วจึงฆ่า
ว่าลูกชายคนหนึ่งพึ่งรุ่นมา เป็นลูกแก้วกิริยาชื่อชุมพล
หนีไปแห่งไรมิได้รู้ แกบอกกล่าวเล่ากูมาแต่ต้น
ว่าลูกเลี้ยงยังมีอยู่อิกคน เจ้าตนตั้งให้เป็นหมื่นไวย
มารดาชื่อว่านางวันทอง จะเป็นลูกของแกนั้นมิใช่
เป็นลูกอ้ายขุนช้างจัญไร พ่อมึงนั้นไซร้อยู่สุพรรณ
ขนอกรุงรังกระทั่งคาง กระหม่อมบางผีขอดตลอดขวัญ
เอ็งหากอายใจไม่บอกกัน พันพึ่งขุนแผนว่าบิดา ฯ
๏ พระไวยขัดใจดังไฟฟอน เหม่อ้ายมอญค่อนแคะมุสาว่า
โมโหฮัดฮึดมืดมัวตา ไม่ทันอ่านคาถาพระเวทมนตร์
แกว่งดาบตัวสั่นถลันโลด กำลังโกรธขับม้าโกลาหล
เข้าห้ำหั่นฟันฟาดพลายชุมพล ฉาดฉับรับประจญประจัญบาน
เสียงดาบต่อดาบฟันกันฉับฉาด ม้าต่อม้าผ่าผงาดเข้าต่อต้าน
พวกหุ่นหมุนโลดโดดทะยาน เข้าไล่รานรุกพหลพลไกร
หุ่นต่อหุ่นทิ่มแทงแย้งยุทธ กระชากฉุดชิงหอกกรอกไล่
ปล้ำรัดฟัดกันสนั่นไป พวกไพร่สามสิบห้าระอาตัว
สู้หุ่นสิ้นแรงลงแพลงพลิก พวกหุ่นหมุนขยิกเข้าจิกหัว
เอาสันหอกตอกรันตัวสั่นรัว ดิ้นหลุดมุดตัวเข้าแฝงรก
ชุมพลกับพระไวยไล่พิฆาต แพลงพลาดกอดชิดเข้าติดอก
พัลวันปล้ำกันอยู่งันงก ดาบตกกอดติดกันพัวพัน ฯ
๏ ขุนแผนแค้นใจดังไฟฟ้า ขับม้าวิ่งวางดังกางหัน
กู่ก้องร้องไปแต่ไกลกัน ชุมพลจับให้มั่นพ่อฟันเอง
พระไวยแลไปพอเห็นพ่อ ผละคอน้องโลดกระโดดเหยง
ขับม้าวิ่งวางกำลังเกรง เสียเพลงทวนท่าชุมพลแทง
ถูกอักหอกหักหาเข้าไม่ พระไวยขับม้าออกจากแหล่ง
ขุนแผนแค้นใจไล่ทแยง พวกหุ่นหมุนแทงที่ไพร่พล
พวกไพร่สามสิบห้าผ้าผ่อนหลุด มุดแฝกแหวกป่าโกลาหล
ความกลัวหนีซุกไปทุกคน หนามเหนี่ยวเกี่ยวป่นไปทั้งตัว
เสียงแกรกเข้าไม่ได้ไปปะเลง ร้องขอโทษตัวเองพ่อทูนหัว
พลบค่ำย่ำคลุ้มชอุ่มมัว รอดตัวแล้วอ้ายพ่อแล่นต่อไป ฯ
๏ พระไวยขับม้าผ่าท้องทุ่ง หมายมุ่งตรงมาหาช้าไม่
หน้านิ่วหิวบอบหอบหายใจ ตรงไปข้ามวัดธรรมา
คนเห็นพระไวยตกใจวิ่ง ฉิบหายตายจริงเจียวสิหว่า
พระไวยแตกทัพยับเยินมา ชาวพาราตื่นทั่วทั้งเวียงชัย
มิได้รู้ศัพท์สัญญา ว่าศึกเสือนั้นมาแต่ข้างไหน
ผู้คนอลหม่านวิ่งพล่านไป พระไวยมาถึงประตูวัง ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จพระพันวษา เสด็จออกเสนาอยู่คับคั่ง
ได้ยินเสียงชาวบ้านสะท้านดัง ทรงฟังไม่แจ้งว่าเหตุใด
เอ๊ะอะไรอื้ออึงกันหนักหนา อ้ายไวยแตกทัพมาฤๅไฉน
เฮ้ยใครไปดูให้แจ้งใจ พอพระไวยลงม้าเข้ามาพลัน
ครั้นถึงประนมก้มกราบกราน สะทกสะท้านความกลัวจนตัวสั่น
หน้านิ่วหิวหอบบอบครัน นิ่งอั้นอยู่ไม่ว่าประการใด ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จพระพันวษา เห็นพระไวยเข้ามาหาทูลไม่
พระจึงมีสีหนาทประภาษไป มึงได้การอย่างไรจึงกลับมา ฯ
๏ ครานั้นจมื่นไวยวรนาถ ครั่นคร้ามขามขยาดเป็นหนักหนา
จวนตัวด้วยกลัวพระอาญา เงยหน้าขึ้นทูลพระทรงธรรม์
ขอเดชะฝ่าละอองธุลีบาท องค์หริรักษ์ราชรังสรรค์
ขอประทานชีวิตโทษผิดครัน ชีวันอยู่ใต้พระบาทา
ยกไปหมายว่าข้าศึกมอญ เข้ารบรอต่อกรเป็นหนักหนา
ครั้นห้ำหั่นมันตายกลายกายา เป็นหุ่นหญ้าจึงแจ้งว่าแต่งกล
แม่ทัพกับหม่อมฉันตัวต่อตัว ก็พันพัวฟาดฟันกันหลายหน
ไม่ทราบว่าน้องชายพลายชุมพล จนเห็นท่านขุนแผนแล่นออกมา
ร้องกำชับให้จับกระหม่อมฉัน บิดาหมายมั่นจะฟันฆ่า
หนีได้จึงไม่มรณา พระราชอาญาไม่พ้นไป
อันเจ้าพลายชุมพลคนนี้ มิใช่เป็นน้องร่วมท้องไส้
เป็นบุตรแก้วกิริยายาใจ ท่านขุนแผนก็ได้เป็นบิดา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช ฟังเหตุตามคำพระไวยว่า
ทรงดำริตริไตรอยู่ไปมา แล้วมีพระบัญชาไปทันใด
อ้ายแผนมันทำมาทั้งนี้ หารู้ที่จะว่าอย่างไรไม่
มันก็ถือสัตย์ธรรม์เป็นมั่นใจ ไม่เห็นที่จะเป็นขบถกู
มาดแม้นทุจริตคิดเช่นนั้น ทองประศรีแม่มันก็ยังอยู่
ไฉนตัวมันจะพลัดเป็นศัตรู กูคิดดูเห็นผิดจริตไป
อันตัวกูเป็นหลักปัถพี ถึงใครมีฤทธิเดชไม่สู้ได้
เทวดารักษาซึ่งราชัย ก็แจ้งใจกันทั่วทั้งพารา
มันเป็นแต่ข้าฝ่าละออง ไหนจะปองพิภพนาถา
ถ้าเขม้นจะเล่นอยุธยา ปานนี้ก็จะมาถึงกรุงไกร
ชะรอยอ้ายนี่คงมีแค้น อ้ายแผนมันหาเป็นขบถไม่
ฤๅมึงโวหารประการใด มันแค้นใจจึงทำเป็นกลมา
แม้นมันทุจริตคิดเป็นพาล ไพร่บ้านพลเมืองคงเข่นฆ่า
นี่ใครใครก็ไม่มรณา อ้ายพ่อลูกไล่ฆ่ามึงคนเดียว ฯ
๏ ครานั้นจมื่นไวยวรนาถ อภิวาทนิ่งนึกตรึกเฉลียว
พระเคลือบแคลงแหนงจริงทุกสิ่งเจียว จะเลี่ยงเลี้ยวไม่ทูลก็ใช่ที
คิดแล้วบังคมบรมนาถ ขอเดชะพระบาทปกเกศี
เมื่อแรกเริ่มเดิมเหตุจะเกิดมี กระหม่อมฉันนั้นตีศรีมาลา
ตีกันอลวนชุมพลห้าม ความโกรธไม่ทันจะดูหน้า
ตีต้องชุมพลก็โกรธา ดั้นป่าหนีไปกาญจน์บุรี
บอกท่านขุนแผนผู้บิดา ลงมาว่ากล่าวอึงมี่
ว่าสร้อยฟ้าทำเล่ห์เสน่ห์ดี กระหม่อมฉันยังมีความแคลงใจ
บิดาโกรธาว่าไม่เชื่อ เงือดเงื้อฟ้าฟื้นทะลึ่งไล่
หากวันนั้นหนีทันไม่บรรลัย ขัดใจจึงทำเป็นกลมา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช ได้ฟังเหตุตามพระหมื่นไวยว่า
กูดูมึงมัวหมองเหมือนต้องยา พ่อมึงบ้าหลังไปเมื่อไรมี
ถ้าแม้นถุ้งเถียงกันเพียงนั้น จะเกิดรบพุ่งกันนั้นใช่ที่
ไม่สมควรที่จะฆ่าราวี ความจริงยังจะมีอยู่มากมาย
จะให้ไปรับมันเข้ามา ปรึกษาตัดสินเสียให้หาย
จะให้ใครไปรับเกลือกกลับกลาย เอ็งคิดเพทุบายให้จงดี ฯ
๏ ครานั้นพระไวยวรนาถ รับพระราชบัญชาเหนือเกศี
กราบทูลไปพลันในทันที เห็นไม่มีผู้ใดจะออกไป
แต่ครั้งเมื่อขุนเพชรกับขุนราม ออกไปตามยังเกิดเป็นศึกใหญ่
ครั้งนี้หาคนที่ชอบใจ จึงจะได้พ่อลูกนั้นเข้ามา
เห็นแต่ศรีมาลาลูกสะใภ้ ผิดชอบอย่างไรท่านไม่ว่า
ขอพระองค์ทรงพระกรุณา โปรดหามาใช้ให้ออกไป
พระองค์ทรงสดับก็ตรัสสั่ง ตำรวจวังเรียกมาอย่าช้าได้
นายจงวิ่งตรงไปทันใด ได้ตัวศรีมาลาเข้ามาพลัน
นางนบนอบหมอบเฝ้าพระภูธร เห็นพระไวยเคืองค้อนอยู่คมสัน
ถอยกระถดลดเลื่อนให้ห่างกัน ผินผันหลบเลี่ยงไม่แลมา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช ทอดพระเนตรผันแปรทั้งซ้ายขวา
เห็นพระไวยเป็นทีกับศรีมาลา จึงตรัสเรียกเข้ามาให้ใกล้กัน
ท่วงทีดูอย่างไรไม่ปรกติ ดำริแล้วก็ทรงพระสรวลสันต์
อีนี่ท่วงทีมันดีครัน กับอีสร้อยฟ้านั้นเป็นกะไร
เอ็งเร่งไปรับอ้ายสองคน ทั้งอ้ายแผนกับชุมพลมาให้ได้
เล่าให้มันฟังกูสั่งไป กูไม่เอาโทษให้ถึงตาย ฯ
๏ ศรีมาลาประนมก้มเกศา ซึ่งทรงพระกรุณาให้ผันผาย
ขอพระเดชป้องกันอันตราย ให้พ่อแผนลูกชายคลายโกรธา
เกล้ากระหม่อมก็ประหวั่นพรั่นใจ แต่พระไวยยังวิ่งตลอดป่า
อันสตรีนี้ไม่มีวิทยา แข็งใจอาสาด้วยทรงใช้
ทูลพลางก็ถวายบังคมลา พระไวยออกหน้าหาช้าไม่
เดินพลางนางสะเทิ้นเขินใจ พอถึงบ้านพระไวยเข้าทันที
ย่างเท้าก้าวขึ้นบนเคหา ฝ่ายว่าท่านย่าทองประศรี
แลไปไม่รู้ว่าร้ายดี ออไวยไยหนีตาทัพมา ฯ
๏ พระไวยบอกย่าน้ำตาไหล คิดว่าศึกใครเล่าคุณย่า
แค้นน้ำตาถั่งลงหลั่งตา บิดาควรฤๅเป็นได้เช่นนี้
กับลูกชายพลายชุมพลคนคะนอง หมายปองจะฆ่าให้เป็นผี
หนีได้จึงไม่ม้วยชีวี รับสั่งให้ศรีมาลาไป
รับพ่อขุนแผนกับชุมพล สองคนเข้ามาให้จงได้
ว่าพลางขัดแค้นแน่นใจ อัดอั้นกลั้นไว้ไม่เจรจา ฯ
๏ ครานั้นท่านย่าทองประศรี ได้ฟังคดีหลานชายว่า
เต้นหรบขบเหงือกเหลือกตา แปร้นด่าเสียงอึงคะนึงไป
คิดว่ามอญใหม่ที่ไหนมา มิรู้ฆ่ากันเองก็เป็นได้
ลูกหลานเป็นหอกแหลนน่าแค้นใจ เมื่อออไวยคนเดียวไม่เอ็นดู
หากว่าหนีทันไม่บรรลัย เขากลุ้มรุมกันไล่อ้ายหมาหมู่
ชวนกันข่มเหงไม่เกรงกู ถ้าไปได้ไม่อยู่กูจะไป
จะต่อยหัวให้ยับเป็นสับปลา โคตรแม่มึงน่าน้ำตาไหล
เหวยนางศรีมาลาว่าอย่างไร ไปไหนไม่เห็นซึ่งหน้าตา
นางสร้อยสุดสวาดิของพ่อผัว เล่นเนื้อเล่นตัวขึ้นหนักหนา
ยุยงส่งกันพ้นปัญญา ได้หน้าสักแขนแล่นไปรับ
รู้เห็นเป็นใจด้วยกับมัน หากออไวยหนีทันจึงได้กลับ
ถ้าหนีไม่ทันมันฟันยับ นางลูกพ่อก็ขยับจะดีใจ
ไปรับเจ้าจอมมาพร้อมเพรียง หัวมิเสี่ยงเพราะกูก็มิใช่
น้ำลายฟูมปากตำหมากไป ยกสากถลากไถลลืมใส่ปูน ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ